แม่ท้องต้องระวัง!!! อาการขาดน้ำระหว่างตั้งครรภ์!!!
เพราะน้ำเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย คุณแม่รู้ไหมคะว่าในร่างกายเรา 2 ใน 3 ส่วนประกอบไปด้วยน้ำ หรือคิดเป็น 70% โดยแบ่งเป็น 3ส่วน คือ น้ำที่ประกอบอยู่ในเซลล์ประมาณ 60% มีอยู่นอกเซลล์ประมาณ30% และที่อยู่ในเนื้อเยื่อดังนั้นร่างกายคุณแม่ท้องที่มีลุกอยู่ด้วย ย่อมต้องการน้ำมากกว่าแน่นอน
คุณแม่จึงต้องดื่มน้ำให้มากขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ โดยปริมาณที่เราแนะนำก็คือ ประมาณ 1 – 2 ลิตร ปริมาณน้ำ 1 -2 ลิตร ที่ร่างกายได้รับนั้น รวมอยู่ในอาหารผักผลไม้ที่รับประทานเข้าไปด้วย เพราะฉะนั้นปริมาณน้ำเปล่าที่คนท้องควรได้รับจริงๆคือประมาณ 1 . 5 ลิตรต่อวัน หรือ 7- 8 แก้วต่อวัน (โดยเฉลี่ยแก้วละ 200 ซีซี )
ส่วนคุณแม่คนไหนที่แพ้ท้องลองเปลี่ยนจากดื่มน้ำครั้งละมากๆ มาเป็นจิบๆตลอดวันแทนก็ได้ หรือเปลี่ยนเป็นน้ำสมุนไพร เช่น น้ำขิง น้ำตะไคร้ ก็ช่วยลดอาการพะอืดพะอมลงได้ แถมยังได้รู้สึกสดชื่นมากขึ้นอีกด้วย ส่วนคุณแม่ที่เคยชินกับการดื่มน้ำน้อยอยู่แล้ว ก็ต้องฝืนใจหน่อยล่ะค่ะ เพราะอย่าลืมว่าน้ำนี้ไม่ได้ดื่มเพื่อตัวคุณแม่คนเดียวอีกแล้ว แต่ยังส่งไปถึงลูกน้อยด้วย เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดอาการขาดน้ำหรือ Dehydration ซึ่งส่งผลให้ปริมาณของเหลวในร่างกายลดลง ทำให้เลือดมีความเข้มข้นมากขึ้น ภาวะนี้อาจกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอ็อกซิโทซิน (Oxytocin) ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนดได้
เห็นไหมคะว่าอาการขาดน้ำนั้นน่ากลัวกว่าที่คิด เรามาดูสัญญาณที่ร่างกายจะส่งออกมาก่อนจะเกิดอาการขาดน้ำกันดีกว่า รู้แล้วคุณแม่จะได้ระวังตัว และดื่มน้ำให้ทันท่วงทีค่ะ
9 สัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ว่าคุณแม่อาจขาดน้ำ
- ริมฝีปากแห้ง
- ปัสสาวะสีเข้ม
- ผิวแห้ง
- คลื่นไส้อาเจียน
- วิงวียนศีรษะ เป็นลม
- มีภาวะระบายลมหายใจเกิน (Hyperventilation) หรือหายใจติดขัด
- กล้ามเนื้อหดตัวหรือเป็นตะคริว
- ปริมาณของเหลวที่ออกจากร่างกาย เช่น เหงื่อ และปัสสาวะ ลดลง
- อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นโดยไม่มีสัญญาณของอาการเจ็บป่วยอื่นๆ
หากมีอาการผิดปกติต้องทำดังนี้
ควรรีบเข้าที่ร่ม นอนราบ และยกเท้าสูง คลายเสื้อผ้าให้หลวม แล้วดื่มน้ำหรืออมน้ำแข็งเพื่อเพิ่มของเหลวในร่างกาย ใช้น้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามศีรษะ ซอกคอ รักแร้ หากมีอาการรุนแรง ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันทีนะคะ
ที่มา